หน้าแรก > ข้อมูล > รายละเอียดข่าว
3 กองทุน ETF ที่จะสามารถทำกำไรได้จากการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ
2022-01-14 18:40:10
more 
1774

ในแถลงการณ์ต่อสภาเมื่อวันที่ 11 มกราคมของประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ นายเจอโรม พาวเวลล์ เขากล่าวว่าการขึ้นอัตราดอกเบี้ยถือเป็นสิ่งจำเป็นต่อการควบคุมเงินเฟ้อ

“เราจะใช้เครื่องมือทางการเงินทุกอย่างที่มีเพื่อสนับสนุนการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจและตลาดแรงงาน ในขณะเดียวกันเราก็จะปกป้องสหรัฐอเมริกาจากภาวะเงินเฟ้อไม่ให้กลายเป็นแผลเป็นทางเศรษฐกิจ”

ด้วยท่าทีที่ชัดเจนแล้วว่าปี 2022 จะเป็นปีที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ จะต้องปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างแน่นอน ในบทความนี้เราจะมาแนะนำสามกองทุน ETF ที่เชื่อว่าจะได้อานิสงส์จากการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย และการเปลี่ยนนโยบายการเงินให้ตึงตัวมากขึ้น

1. iShares U.S. Regional Banks ETF

- ระดับราคาปัจจุบัน: $68.78
- กรอบการวิ่งของราคาในรอบ 52 สัปดาห์: $45.90 - $68.84
- เปอร์เซ็นต์การปันผล: 1.71%
- อัตราค่าใช้จ่ายต่อการดำเนินงาน: 0.41% ต่อปี

ถ้าหากธนาคารกลางสหรัฐฯ ตัดสินใจขึ้นอัตราดอกเบี้ยจริง หุ้นกลุ่มแรกที่จะได้ประโยชน์ไปเต็มๆ คือหุ้นในกลุ่มการเงิน หรือถ้าจะให้ระบุอย่างเฉพาะเจาะจงก็คือหุ้นในกลุ่มธนาคาร การขึ้นอัตราดอกเบี้ยหมายถึงกำไรของธนาคารที่เพิ่มสูงขึ้นตามไปด้วย นั่นจึงเป็นที่มาของกองทุนตัวแรกที่เราจะแนะนำซึ่งมีชื่อว่า iShares U.S. Regional Banks ETF (NYSE:IAT) เป็นกองทุนที่ลงทุนในหุ้นของธนาคารระดับภูมิภาคขนาดเล็ก-กลาง IAT เปิดให้เริ่มต้นลงทุนมาตั้งแต่เดือนพฤษภาคมปี 2006IAT Weekly ChartIAT Weekly Chart

IAT อ้างอิงราคาขึ้นลงตามดัชนี Dow Jones US Select Regional Banks Index ถือครองหุ้นบริษัทอยู่ทั้งหมด 39 บริษัท หุ้นสิบอันดับแรกของกองทุนคิดเป็น 65% ของสินทรัพย์ทั้งหมด $1,540 ล้านเหรียญสหรัฐ หุ้นชื่อดังที่กองทุนนี้ถือครองได้แก่ PNC Financial Services (NYSE:PNC), Truist Financial Corp (NYSE:TFC), U.S. Bancorp (NYSE:USB), SVB Financial Group (NASDAQ:SIVB) และ Fifth Third Bancorp (NASDAQ:FITB)

ความกังวลที่มีต่อเงินเฟ้อและความคาดหวังที่มีต่อการขึ้นอัตราดอกเบี้ยยังคงผลักดันให้มูลค่าของกองทุน IAT ทะยานขึ้นสร้างจุดสูงสุดตลอดกาลได้เมื่อไม่นานมานี้ ตลอดระยะเวลา 12 เดือนล่าสุด ราคาของ IAT ได้ปรับตัวขึ้นมาประมาณ 10.6% มอบผลตอบแทนคืนแก่ผู้ถือครองแล้วมากกว่า 37.5% 

IAT มีอัตราส่วนเปรียบเทียบระหว่างราคาตลาดของหุ้นต่อกำไรสุทธิต่อหุ้น (P/E) และอัตราส่วนเปรียบเทียบระหว่างราคาหุ้นกับมูลค่าทางบัญชี (P/B) อยู่ที่ 23.25x และ 1.75x ตามลำดับ เพราะขาขึ้นที่ IAT พึ่งสร้าง เราจึงมองว่าควรรอให้กองทุนนี้ย่อตัวลงมาก่อน แล้วจึงพิจารณาเข้าซื้อในมูลค่าที่ถูกลง

2. VanEck Inflation Allocation ETF

- ระดับราคาปัจจุบัน: $25.39
- กรอบการวิ่งของราคาในรอบ 52 สัปดาห์: $22.46 - $28.02
- เปอร์เซ็นต์การปันผล: 5.4%
- อัตราค่าใช้จ่ายต่อการดำเนินงาน: 0.78% ต่อปี

ทุกครั้งที่มีเงินเฟ้อ สิ่งที่นักลงทุนจะทำคือหาสินทรัพย์จับต้องได้ที่มีมูลค่ามาทดแทนการถือเงินสด สินทรัพย์มีค่าเหล่านั้นอาจเป็นสินค้าโภคภัณฑ์ที่เรารู้จักเป็นอย่างดีเช่นทองคำ โลหะเงิน ทองแดง ฯลฯ หรือถ้าจะให้ทันสมัยขึ้นมาอีกสักนิด นักลงทุนในยุคนี้จะเลือกลงทุนในบิทคอยน์ แต่ในความเห็นของเรา สินทรัพย์ทางเลือกที่ไม่ควรมองข้ามอีกหนึ่งตัวคืออสังหาริมทรัพย์ (REIT) 

กองทุนที่สองของเราแน่นอนว่าต้องมีความเกี่ยวข้องกับวงการอสังหาริมทรัพย์ กองทุนตัวนี้มีชื่อว่า VanEck Inflation Allocation (NYSE:RAAX) เป็นกองทุนที่ให้ลงทุนกับอสังหาริมทรัพย์เพื่อคานความเสี่ยงต่อสู้กับเงินเฟ้อ RAAX เปิดให้เริ่มต้นลงทุนมาตั้งแต่เดือนเมษายนปี 2018RAAX Weekly ChartRAAX Weekly Chart

RAAX ถือครองหุ้นบริษัทอยู่ทั้งหมด 23 บริษัท หุ้นสิบอันดับแรกของกองทุนคิดเป็น 78% ของสินทรัพย์ทั้งหมด $32.7 ล้านเหรียญสหรัฐ หุ้นชื่อดังที่กองทุนนี้ถือครองได้แก่ Invesco Optimum Yield Diversified Commodity Strategy ETF (NASDAQ:PDBC), Vanguard Real Estate ETF (NYSE:VNQ), VanEck Merk Gold Shares (NYSE:OUNZ), Global X US Infrastructure Development ETF (NYSE:PAVE) และ VanEck Energy Income ETF (NYSE:EINC)

ตลอดระยะเวลา 12 เดือนล่าสุด ราคาของ RAAX ได้ปรับตัวขึ้นมาแล้วประมาณ 9.7% มีอัตราการปันผลจากระดับราคาในปัจจุบันอยู่ที่ 5.4% กองทุนนี้ได้สร้างจุดสูงสุดตลอดกาลไปในช่วงกลางเดือนพฤศจิกายน ก่อนที่จะปรับตัวลดลงมาจากระดับราคาดังกล่าว 11% นักลงทุนที่สนใจ RAAX สามารถพิจารณาการย่อตัวของราคาเมื่อเร็วๆ นี้เป็นจุดเข้าซื้อได้

3. ALPS REIT Dividend Dogs ETF

- ระดับราคาปัจจุบัน: $52.10
- กรอบการวิ่งของราคาในรอบ 52 สัปดาห์: $39.96 - $54.44
- เปอร์เซ็นต์การปันผล: 3.03%
- อัตราค่าใช้จ่ายต่อการดำเนินงาน: 0.38% ต่อปี

กองทุนตัวสุดท้ายของเรามีชื่อว่า ALPS REIT Dividend Dogs ETF (NYSE:RDOG) เป็นกองทุนที่ให้ความสำคัญเกี่ยวกับการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์อีกเช่นกัน แต่ความพิเศษคือกองทุนนี้จะเน้นเฉพาะบริษัทที่มีอัตราการปันผลสูงเท่านั้น RDOG เปิดให้เริ่มต้นลงทุนมาตั้งแต่เดือนพฤษภาคมปี 2008 RDOG Weekly ChartRDOG Weekly Chart

ความเคลื่อนไหวที่เกิดขึ้นกับราคาหุ้นจริง จะไม่สร้างผลกระทบต่อความเคลื่อนไหวของราคาใน RDOG มากเพราะ RDOG เป็นกองทุนดัชนีหุ้นที่ถ่วงน้ำหนักเท่ากัน RDOG ถือครองหุ้นบริษัทอยู่ทั้งหมด 39 บริษัท เมื่อพิจารณาสัดส่วนการถือครองหุ้น จะพบว่าสามารถแบ่งออกได้เป็นทั้งหมด 4 กลุ่ม กลุ่มแรกคืออสหังหาริมทรัพย์ด้านการเงิน 17.34% อสังหาริมทรัพย์ด้านเฮลท์แคร์ 13.88% อสังหาริทรัพย์ด้านที่อยู่อาศัย 12.50% และอสังหาริมทรัพย์ด้านเทคโนโลยี 7.28% 


หุ้นสิบอันดับแรกของกองทุนคิดเป็น 27% ของสินทรัพย์ทั้งหมด $28.8 ล้านเหรียญสหรัฐ หุ้นชื่อดังที่กองทุนนี้ถือครองได้แก่ National Health Investors (NYSE:NHI), Omega Healthcare Investors (NYSE:OHI), Industrial Logistics Properties Trust (NASDAQ:ILPT), SL Green Realty (NYSE:SLG), Vornado Realty Trust (NYSE:VNO) และ Medical Properties Trust (NYSE:MPW)

RDOG ตั้งใจที่จะไม่ลงทุนอสังหาริมทรัพย์ที่มีความเกี่ยวข้องกับการจำนองเนื่องจากพวกเขามองว่าเป็นกลุ่มที่มีความอ่อนไหวต่อการอัตราดอกเบี้ยมากเกินไป RDOG พึ่งสร้างจุดสูงสุดตลอดกาลไปเมื่อสัปดาห์สุดท้ายของปี 2021 ในปีที่แล้ว RDOG ปรับตัวขึ้นมาประมาณ 30.6% จากระดับราคาปัจจุบัน RDOG มีอัตราผลตอบแทนอยู่ที่ 3.0% หากต้องการจะลงทุนกับ RDOG ให้รอการดีดกลับของราคาในครั้งถัดไป

คำสั่ง:
เนื้อหาของบทความนี้ไม่ได้แสดงถึงมุมมองของเว็บไซต์ FxGecko เนื้อหามีไว้เพื่อการอ้างอิงเท่านั้นและไม่ถือเป็นคำแนะนำในการลงทุน การลงทุนมีความเสี่ยง เลือกอย่างระมัดระวัง! หากมีปัญหาใด ๆ ที่เกี่ยวข้องกับเนื้อหา ลิขสิทธิ์ ฯลฯ โปรดติดต่อเราและเราจะทำการปรับเปลี่ยนโดยเร็วที่สุด!

บทความที่เกี่ยวข้อง

您正在访问的是FxGecko网站。 FxGecko互联网及其移动端产品是中国香港特别行政区成立的Hitorank Co.,LIMITED旗下运营和管理的一款面向全球发行的企业资讯査询工具。

您的IP为 中国大陆地区,抱歉的通知您,不能为您提供查询服务,还请谅解。请遵守当地地法律。