ตัวเลขเงินเฟ้อทั่วไปเดือน เม.ย. ของสหรัฐฯ เพิ่มขึ้น 8.3% YoY สูงกว่าคาด (8.1%) และยังเห็นสัญญาณการปรับตัวขึ้นต่อในเดือน พ.ค.65 ประเมินจาก ทิศทางของราคาพลังงานที่อยู่ในระดับสูง และสภาวะสงคราม รัสเซีย-ยูเครน ที่ยังหาจุดสิ้นสุดไม่เจอ สภาพแวดล้อมดังกล่าวทำให้ความกังวลเรื่องการใช้ นโยบายการเงินตึงตัวเชิงรุก กลับมาสร้างแรงกดดันอีกครั้ง ทำให้Fund Flow ไหลออกจากสินทรัพย์เสี่ยง เข้าสู่สินทรัพย์ปลอดภัย โดยราคา Digital Asset และตลาดหุ้นปรับตัวลดลงแรง ส่วนในบ้านเราความกังวลต่ออุปสรรคการฟื้น ตัวของเศรษฐกิจมีมากขึ้น ขณะที่กำไร บจ.งวด 1Q65 ซึ่งประกาศแล้ว 43% พบว่ากำไรลดลง 2.3% YoYแต่เพิ่ม 8.7% QoQ ต่ำกว่าคาด
คาด SET Index ยังอยู่ภายใต้แรงกดดัน ประเมินกรอบการเคลื่อนไหว 1592 – 1625 จุด พอร์ตจำลองวันนี้ไม่มีการปรับเปลี่ยนโดยยังถือเงินสดอยู่ที่ 30% หุ้น Top Pick เลือก BH, TIDLOR และ VNG
เงินเฟ้อ เม.ย. สหรัฐฯออกมาสูงกว่าคาด และมีแนวโน้มสูงต่อเนื่อง กดดันสินทรัพย์ เสี่ยงต่อไป
ตัวเลขเงินเฟ้อสหรัฐ CPI เดือนเม.ย. YoY ออกมาที่ +8.3% สูงกว่าที่ตลาดคาดไว้ที่ +8.1% และหากเข้าไปดูใส้ในจะเห็นว่าราคาตั๋วเครื่องบินและค่าเดินทางสาธารณะนั้น ปรับตัวสูงขึ้นอย่างมากและเพียงแค่ 2 ส่วนนี้ก็ทำให้ตัวเลข CPI โดยรวมออกมาดูสูงขึ้น +0.2% แล้ว ส่วนตัวเลข MoM ออกมาที่ +0.3% สูงกว่าที่ตลาดคาดไว้ที่ +0.2% ด้าน ตัวเลขเงินเฟ้อพื้นฐานสหรัฐ Core CPI (ไม่รวมหมวดอาหารและพลังงาน) YoY ออกมาที่ +6.2% สูงกว่าที่ตลาดคาดไว้ที่ +6.0% เช่นกัน ประเด็นดังกล่าวกดดันสินทรัพย์เสี่ยงทุก ชนิดโดยเฉพาะหุ้นเทคอย่าง Nasdaq ที่วานนี้ปรับตัวลงกว่า 3.2% และทางด้าน Bitcoin ที่กำลังมีความสัมพันธ์กับหุ้นเทคสูงก็ร่วงหลุดระดับแนวรับที่สำคัญที่ 30,000 เหรียญไปแล้วด้วยเช่นกัน
โดยตัวเลขเงินเฟ้อครั้งนี้ทำให้นักลงทุนคาดว่า FED อาจต้องคิดเรื่องการปรับขึ้นอัตรา ดอกเบี้ย +0.75% ในการประชุมครั้งต่อไปในเดือน มิ.ย. ขณะที่มีโอกาสเห็นการขึ้น ดอกเบี้ยฯปลายปีขยับมาที่ 2.75% - 3% มีมากขึ้น (Probability 51.3%) ซึ่ง 1 เดือน ก่อนหน้ามีProbability ต่ำเพียง 19.5% เท่านั้น
ขณะที่ปัจจัยทำให้เงินเฟ้อมีโอกาสทรงตัวในระดับสูงต่อเนื่อง คือ สงครามยูเครน – รัสเซีย ที่ดูเหมือนจะมีความรุนแรงขึ้น โดยล่าสุด ยูเครนสั่งปิดจุดเชื่อมต่อรับก๊าซจาก รัสเซียซึ่งส่งไปสหภาพยุโรป ที่อยู่ทางตะวันออกของประเทศ โดยอ้างว่าเกิดเหตุสุดวิสัย ทั้งนี้ ยูเครนเสนอให้เปลี่ยนจุดเชื่อมต่อที่ Sokhranivka ไปใช้จุดเชื่อมต่อที่ Sudzha แทน จึงทำให้ราคา Comodity พุ่งสูงขึ้นทันที(Brent Oil +3%) เนื่องจากรัสเซียเป็นผู้ จัดหาก๊าซให้สหภาพยุโรปสัดส่วน 40% ของปริมาณทั้งหมด และสัดส่วนกว่า 1 ใน 3 เป็นการส่งก๊าซผ่านท่อที่อยู่ในยูเครน
สุดท้ายนี้ ต้องดูท่าทีของ FED ว่าจะแก้ไขภาวะเงินเฟ้อเร่งตัวอย่างไร ซึ่งตั้งแต่วันที่ 1 มิ.ย. 65 FED จะเริ่มต้นปรับลดขนาดงบดุล (QT) ในวงเงิน 4.75 หมื่นล้านดอลลาร์/ เดือน หลังจากนั้นในเดือยน ก.ย. 65 Fed จะเพิ่มการลดขนาดงบดุลเป็น 9.5 หมื่น ล้านดอลลาร์/เดือน ซึ่งเป็นภาวะกดดันเม็ดเงินไหลสู่สินทรัพย์ปลอดภัยอย่างต่อเนื่อง โดยวันนี้มองกรอบ SET Index ไว้ที่ 1580/1592 – 1625/1633 จุด
เศรษฐกิจมีโอกาสชะลอ...กกร.เสนอรัฐบาลออกมาตการดูแล
วานนี้ทางกกร.ต้องการเสนอรัฐบาล เร่งดำเนินการเพื่อดูแลเศรษฐกิจ รักษาขีด ความสามารถในแข่งขันของ SME เนื่องจากเศรษฐกิจไทยมีปัจจัยเสี่ยงรอบด้านส่งผลต่อ ต้นทุนปรับเพิ่มขึ้น เงินเฟ้อที่มีแนวโน้มสูงขึ้น โดยมีมาตการต่างๆ 9 ข้อดังนี้
1. ขอให้ตรึงราคาน้ำมันดีเซลไม่ให้เกินระดับ 35 บาท 3 เดือน
2. ขยายเวลาลดเก็บภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซล อีก 3 เดือน
3. ลดต้นทุนวัตถุดิบนำเข้า
4. อยากให้ภาครัฐเร่งคืนภาษีมูลค่าเพิ่ม และออกมาตรการเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำที่ทำได้ ทันที
5. เร่งโครงการคนละครึ่งเฟส 5
6. ขอให้ขยายจำนวนสิทธิโครงการเราเที่ยวด้วยกัน
7. ผ่อนคลายกิจกรรมทางเศรษฐกิจเต็มรูปแบบ โดยเฉพาะสถานบันเทิง
8. ลดภาระให้ผู้ประกอบการ เช่น ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง ซึ่งปัจจุบันจะเรียก เก็บ 100% จากปีที่ผ่านมาคิดเพียง 10%
9. การเปิดประเทศโดยสมบูรณ์ และดูแลค่าเงินบาทให้เหมาะสม
ประเด็นนี้แสดงให้เห็นว่าเครื่องยนต์ต่างๆ มีโอกาสขับเคลื่อนเศรษฐกิจได้ช้าลง จาก ปัจจัยแวดล้อมต่างๆที่กดดัน รวมถึงตัวเลขเศรษฐกิจที่เริ่มชะลอ อาทิตัวเลขความ เชื่อมั่นผู้บริโภคเดือน เม.ย. 65 อยู่ที่ระดับ 40.7 ต่ำสุดในรอบ 8 เดือน และอาจกดดันให้ กำไรบริษัทจดทะเบียนมีโอกาสชะลอลงในระยะถัดไปได้
ขณะที่ตอนนี้มีเพียงตัวเลขนักท่องเที่ยวที่เห็นสัญญาณดีขึ้น ถือเป็นความหวังคอยช่วย ขับเคลื่อนเศรษฐกิจ การลงทุนยังชื่นชอบหุ้นกลุ่มท่องเที่ยว CENTEL MINT ERW หุ้น กลุ่มขนส่ง AOT (BK:AOT) BA BEM BTS หุ้นสถานที่ท่องเที่ยวและโรงพยาบาลเน้นผู้ป่อยต่าง ชาติCRC CPN MAJOR BH BDMSเป็นต้น
เงินเฟ้อสหรัฐสูงกว่าคาด กดดันสินทรัพย์เสี่ยงผันผวน แนะ BH TIDLOR VNG วานนี้สินทรัพย์เสี่ยงทัวโลกยังผันผวน โดยถูกกดดันจาก 2 ปัจจัยหลักๆ ดังนี้
1. เงินเฟ้อสหรัฐ เดือน เม.ย. เพิ่มขึ้น 8.3%yoy (สูงกว่าตลาดคาด 8.1%yoy) กดดันตลาดหุ้นสหรัฐลงมาทำจุดต่ำสุดในรอบ 1 ปีใหม่ ทั้ง Dow Jones และ Nasdaq เนื่องจากความกังวลต่อต้นทุนวัตถุดิบที่ยืนระดับสูงนาน และการใช้ นโยบายการเงินของ Fed มีโอกาสเข้มข้นขึ้น
2. ตลาดคลิปโตและราคาหุ้นธุรกิจคลิปโตผันผวนหนัก โดยวานนี้ราคาเหรียญ Luna (Stablecoin ที่เคยใหญ่เป็นอันดับ 2 ของโลก) ปรับตัวลงลึกถึง 93% เหลือเพียง 1$ โดยตลาดคาดว่าเกิดจากการถูกโจมตีค่าเงินต่อเนื่อง และยัง ส่งผลให้ตลาดคลิปโตอื่นๆผันผวน รวมถึงราคาหุ้น Coinbase (NASDAQ:COIN) (ธุรกิจซื้อขาย Crypto ใหญ่อันดับ 2 ของโลก) ปรับตัวลดลงต่อเนื่องเช่นกันในช่วง 1 เดือน เศษๆ ลดลงจาก 207$ เหลือ 53$
สรุปคือ สินทรัพย์เสี่ยงต่างๆ ยังอยู่ในความผันผวนจากความกังวลต่อสภาพคล่องใน ระบบที่จะลดลงมากขึ้นในเดือน มิ.ย. บวกกับความกังวลเงินเฟ้อส่งผลต่อต้นทุน วัตถุดิบยืนระดับสูงนาน คอยสร้างความผันผวนให้ตลาดหุ้นต่อเนื่องได้ กลยุทธ์การลงทุนเพื่อหลบความผันผวนแนะนำถือเงินสด 30% ของพอร์ต ส่วนหุ้น Toppick เลือก หุ้นผันผวนต่ำ BH, หุ้นผลประกอบการทำจุดสูงสุดรายไตรมาส ต่อเนื่อง TIDLOR และหุ้นได้ประโยชน์บาทอ่อน VNG
บทความนี้จัดทำและเผยแพร่ครั้งแรกบนเว็บไซต์ ASIA Plus Securities