วันนี้ (2 มี.ค.) ปรับฐานลงจากวันก่อนหน้า ท่ามกลางปริมาณการซื้อขายเบาบางลงเช่นกัน ทั้งนี้ ราคาทองคําในวันที่ผ่านมา (1 มี.ค.) ได้ขึ้นไปแตะระดับ 1,844.24 ดอลลาร์ต่อออนซ์ สูงสุดในรอบสัปดาห์ โดยมีปัจจัยหนุนมาจากการอ่อนค่าลงของดอลลาร์ หลังตัวเลขดัชนีผู้จัดการ- ฝ่ายซื้อ (PMI) ภาคการผลิต เดือนก.พ. ของสหรัฐ ออกมาต่ํากว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ อีกทั้งยังต่ํากว่าระดับ 50 ซึ่งบ่งชี้ถึงภาวะหดตัว ของภาคการผลิต ทําให้เศรษฐกิจสหรัฐมีแนวโน้มเผชิญกับภาวะถดถอยเพิ่มมากขึ้น นอกจากนั้น เงินเฟ้อที่พุ่งตัวขึ้นในประเทศกลุ่มสหภาพยุโรป ที่ ส่งเสริมการเดินหน้าขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างแข็งกร้าวของธนาคารกลางยุโรป (ECB) ก็ยังคงหนุนให้ค่าเงินยูโรปรับตัวขึ้น ซึ่งถือเป็นอีกปัจจัยกดดัน ต่อค่าเงินดอลลาร์ในวันที่ผ่านมาด้วย ถึงกระนั้น เมื่อราคาทองคําปรับตัวสูงขึ้นจึงเผชิญแรงเทขายทํากําไรสลับกลับลงมา ประกอบกับประเด็น การขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ยังคอยกดดันราคาทองคําอยู่อย่างต่อเนื่อง โดยนักลงทุนได้เพิ่มความเป็นไปได้ที่เฟดจะปรับ ขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.5% ในการประชุมเดือนมี.ค. นี้ อีกทั้งยังเพิ่มมุมมองที่ตัวเลขอัตราดอกเบี้ยสูงสุดของสหรัฐขึ้นไปสู่กรอบ 5.5-5.75% ในเดือน ก.ย. ซึ่งหนุนให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐยังคงปรับตัวขึ้นต่อในวันนี้ ราคาทองคําจึงมีการปรับตัวลงดังที่กล่าวไปในข้างต้น

คําแนะนํา

· หากราคาไม่สามารถผ่านระดับสูงสุดของสัปดาห์ก่อนหน้า อาจต้องระวังแรงขายเข้ามาเพิ่มขึ้น

· เสี่ยงเปิดสถานะขายทํากําไรระยะสั้น หากราคาไม่สามารถยืนเหนือแนวต้าน 1,844-1,847 ดอลลาร์ต่อออนซ์

· รอทยอยปิดสถานะขายทํากําไร หากราคาปรับตัวลงไม่หลุดแนวรับ 1,817-1,804 ดอลลาร์ต่อออนซ์

· สถานะขายตัดขาดทุน หากราคาผ่านแนวต้าน 1,847 ดอลลาร์ต่อออนซ์

บทความนี้จัดทำขึ้นโดย YLG Bullion International

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมติดต่อ 02-687- กด 1 หรือเว็บไซต์ \\.co.th