2 กองทุน ETF ที่มีโอกาสจบปี 2021 ด้วยการเติบโตขึ้นมากกว่าเดิม
2021-11-26 13:45:20
more 
810

ถึงแม้ว่าโลกเราจะเผชิญกับวิกฤตโรคระบาดและสภาวะเงินเฟ้อ แต่ปี 2021 ก็ยังคงเป็นปีทองของตลาดหุ้นสหรัฐฯ สังเกตได้จากดัชนีหลักทั้งสามไม่ว่าจะเป็นดาวโจนส์ เอสแอนด์พี 500  และแนสแด็กต่างก็สามารถปรับตัวขึ้นได้ตัวละ 21% 24% และ 26% ตามลำดับ 

แน่นอนว่าไม่ใช่หุ้นทุกตัวที่สามารถสร้างแนวโน้มขาขึ้นได้ เช่นเดียวกันกับกองทุน ETF แม้ว่าในปีนี้ จะมีการปรับตัวลดลง แต่ในบทความนี้ เราจะพาไปดูกองทุนที่เคยติดลบมาก่อน แต่สามารถพลิกกลับขึ้นมาได้ และคาดว่าจะสามารถไปได้ไกลกว่าปัจจุบันจนกว่าจะถึงสิ้นปี 2021

1. Invesco Solar ETF

- ระดับราคาปัจจุบัน: $93.46
- กรอบการวิ่งของราคาในรอบ 52 สัปดาห์: $67.69 - $125.98
- เปอร์เซ็นต์การปันผล: 0.11%
- อัตราค่าใช้จ่ายต่อการดำเนินงาน: 0.69% ต่อปี

ในการประชุมรัฐภาคีกรอบอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ สมัยที่ 26 (COP26) ที่พึ่งผ่านมาไม่นาน ได้มีการพูดถึงประเด็นพลังงานทางเลือกเป็นอย่างมาก ข้อมูลจากการประชุมระบุว่าตลาดพลังงานแสงอาทิตย์อาจเติบโตขึ้นจาก $170,000 ล้านเหรียญสหรัฐในปี 2020 กลายเป็น $293,000 ล้านเหรียญสหรัฐในปี 2028 คิดเป็นอัตราการเติบโตต่อปีอยู่ที่ประมาณ 8%

นั่นจึงเป็นที่มาของกองทุนแรกที่เราอยากจะนำเสนอในวันนี้ Invesco Solar ETF (NYSE:TAN) เป็นกองทุนที่ลงทุนในอุตสาหกรรมผู้ผลิตอุปกรณ์สำหรับสร้างพลังงงานแสงอาทิตย์ กองทุนนี้เปิดให้เริ่มลงทุนครั้งแรกในเดือนเมษายนปี 2008 อ้างอิงราคามาจากดัชนี MAC Global Solar Energy Index ปัจจุบันถือครองหุ้นอยู่ทั้งหมด 53 ตัว และมีการรีบาลานซ์ของกองทุนในทุกๆ ไตรมาส

TAN Weekly Chart.TAN Weekly Chart.

เมื่อพิจารณาการถือครองหุ้นของ TAN สามารถแบ่งออกได้เป็นสองประเภท แบบแรกคือการลงทุนในอุตสาหกรรมพลังงานในแต่ละประเทศ เราพบว่าสัดส่วนการถือครองมากกว่าครึ่งนั้นเป็นหุ้นของบริษัทในสหรัฐอเมริกา ตามมาด้วยประเทศจีน 17.11% สเปน 5.98% อิสราเอล 3.44% ไต้หวัน 3.39% และเยอรมัน 3.36% แต่หากแยกเป็นสัดส่วนตามกลุ่มหุ้น จะพบว่า TAN ถือครองหุ้นในกลุ่มเทคโนโลยีเพื่อข้อมูลข่าวสาร 58.25% กลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภค 20.82% และกลุ่มอุตสาหกรรม 16.25% 

หุ้นสิบอันดับแรกของบริษัทคิดเป็น 61% ของสินทรัพย์ทั้งหมด $3,880 ล้านเหรียญสหรัฐ หุ้นชื่อดังที่กองทุนนี้ถือครองได้แก่ Enphase Energy (NASDAQ:ENPH) SolarEdge Technologies (NASDAQ:SEDG) Sunrun (NASDAQ:RUN) First Solar (NASDAQ:FSLR) และ Xinyi Solar Holdings (HK:0968)

อย่างไรก็ตาม ในปีนี้ระดับราคาของ TAN เคยปรับตัวลดลงมามากกว่า 7% แต่ในระยะเวลาสิบสองเดือนล่าสุด ยังสามารถมอบผลตอบแทนคือแก่ผู้ถือครองได้ 22.5% สร้างจุดสูงสุดในรอบหลายไปไปเมื่อเดือนมกราคม ก่อนที่จะปรับตัวลดลง

ปัจจุบัน TAN มีอัตราส่วนเปรียบเทียบระหว่างราคาตลาดของหุ้นต่อกำไรสุทธิต่อหุ้น (P/E) และอัตราส่วนเปรียบเทียบระหว่างราคาหุ้นกับมูลค่าทางบัญชี (P/B) อยู่ที่ 33.53x และ 4.27x ตามลำดับ หากต้องการเข้าซื้อกองทุนนี้ ควรรอให้ราคาย่อตัวลงมาก่อนที่ $93 จึงจะเป็นจุดเข้าที่เหมาะสม

2. Global X Social Media ETF

- ระดับราคาปัจจุบัน: $58.38
- กรอบการวิ่งของราคาในรอบ 52 สัปดาห์: $55.33 - $79.00
- อัตราค่าใช้จ่ายต่อการดำเนินงาน: 0.65% ต่อปี

เชื่อว่าทุกวันนี้คงไม่มีใครไม่รู้จักคำว่า “โซเชียลมีเดีย” อีกต่อไปแล้ว ตลอดทศวรรษที่ผ่านมา การเติบโตของธุรกิจโซเชียลมีเดียต้องใช้คำว่า “มีการก้าวกระโดดขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ” และได้กลายเป็นส่วนประกอบที่สำคัญในการติดต่อสื่อสารของมนุษยชาติ มูลค่าที่บริษัทเอกชนและรัฐบาลลงทุนไปกับการโฆษณาผ่านสื่อโซเชียลมีเดียในปี 2021 คาดว่าจะมีตัวเลขเกือบถึง $154,000 ล้านเหรียญสหรัฐ ข้อมูลจาก IBISWorld ระบุว่า

“หากวัดขนาดของตลาดโซเชียลมีเดียด้วยตัวเลขรายได้ของบริษัทผู้ผลิต จะพบว่าในปี 2021 อุตสาหกรรมนี้มีมูลค่ารวมแล้วอยู่ที่ $62,500 ล้านเหรียญสหรัฐ”

แน่นอนว่ากองทุนที่สองที่เราจะแนะนำในบทความนี้ย่อมมีความเกี่ยวข้องกับโซเชียลมีเดีย กองทุนนี้มีขื่อว่า Global X Social Media ETF (NASDAQ:SOCL) เป็นกองทุนที่ลงทุนกับบริษัทผู้สร้างสื่อโซเชียลมีเดีย เปิดให้เริ่มต้นลงทุนตั้งแต่เดือนพฤศจิกายนปี 2011 มีสินทรัพย์รวมแล้วทั้งสิ้น $379.6 ล้านเหรียญสหรัฐ SOCL Weekly Chart.SOCL Weekly Chart.

ปัจจุบัน SOCL ถือครองหุ้นอยู่ทั้งหมด 43 บริษัท อ้างอิงราคาจากดัชนี Solactive Social Media Total Return Index เมื่อพิจารณาการถือครองหุ้นของ SOCL สามารถแบ่งออกได้เป็นสองประเภท แบบแรกคือการลงทุนในบริษัทผู้สร้างสื่อโซเชียลมีเดียในแต่ละประเทศ เราพบว่าสัดส่วนการถือครองมากกว่าครึ่งนั้นเป็นหุ้นของบริษัทในสหรัฐอเมริกามากกว่า 44% ตามมาด้วยประเทศจีน 29% เกาหลีใต้ 10.2% ลักเซมเบิร์ก 5.7%  และเนเธอร์แลนด์ 5.3% แต่หากแยกเป็นสัดส่วนตามกลุ่มหุ้น จะพบว่า SOCL ถือครองหุ้นในกลุ่มผู้ให้บริการด้านการสื่อสาร 92.8% ไอที 6% และสินค้าฟุ่มเฟือย 1.2%

หุ้นสิบอันดับแรกของบริษัทคิดเป็น 64% ของสินทรัพย์ทั้งหมดของกองทุน หุ้นชื่อดังที่กองทุนนี้ถือครองได้แก่ Meta Platforms (NASDAQ:FB) (ที่เคยใช้ชื่อในอดีตว่าเฟสบุ๊ก) และบริษัท Tencent Holdings (OTC:TCEHY) มีสัดส่วนมากที่สุดคิดเป็น 10.80% และ 10.37% ตามลำดับ นอกจากนี้ก็จะมี Snap (NYSE:SNAP) NetEase (NASDAQ:NTES) และ Yandex (NASDAQ:YNDX)

ตั้งแต่ต้นปี 2021 จนถึงปัจจุบัน SOCL ปรับตัวลดลงมามากกว่า 4.5% มอบผลตอบแทนคือแก่ผู้ถือครอง 5.5% ตลอดระยะเวลา 52 สัปดาห์ล่าสุด มีอัตราส่วนเปรียบเทียบระหว่างราคาตลาดของหุ้นต่อกำไรสุทธิต่อหุ้น (P/E) และอัตราส่วนเปรียบเทียบระหว่างราคาหุ้นกับมูลค่าทางบัญชี (P/B) อยู่ที่ 32.35x และ 3.82x ตามลำดับ หากต้องการพิจารณาลงทุนใน SOCL ควรรอให้ราคาปรับตัวลดลงมาถึง $57 จึงจะเป็นจุดเข้าที่เหมาะสม

Statement:
The content of this article does not represent the views of fxgecko website. The content is for reference only and does not constitute investment suggestions. Investment is risky, so you should be careful in your choice! If it involves content, copyright and other issues, please contact us and we will make adjustments at the first time!

Related News

您正在访问的是FxGecko网站。 FxGecko互联网及其移动端产品是中国香港特别行政区成立的Hitorank Co.,LIMITED旗下运营和管理的一款面向全球发行的企业资讯査询工具。

您的IP为 中国大陆地区,抱歉的通知您,不能为您提供查询服务,还请谅解。请遵守当地地法律。