พลังงานและโลหะมีค่า - บทวิจารณ์รายสัปดาห์และแนวโน้ม โดย
2022-08-15 15:15:04
more 
235
พลังงานและโลหะมีค่า - บทวิจารณ์รายสัปดาห์และแนวโน้ม © Reuters

โดย   Barani Krishnan

- เมื่อหาเหตุผลที่เป็นไปได้ทั้งหมดในขณะที่ฤดูใช้รถในช่วงหยุดยาวใกล้สิ้นสุดลงนั้น จะมีปัจจัยแวดล้อมอะไรที่จะช่วยหนุนราคาน้ำมันได้อีก

คำตอบน่าจะเป็นการส่งออกของผลิตภัณฑ์น้ำมันดิบและน้ำมันของสหรัฐฯ นั่นเอง แต่หน่วยงานไหนที่จะได้กำไรมากที่สุดจากการส่งออกเหล่านี้ระหว่าง อุตสาหกรรมน้ำมันของสหรัฐฯ หรือ OPEC และจะจบลงอย่างไรก็ขึ้นอยู่กับปัจจัยสิ่งแวดล้อมและบทวิเคราะห์ที่คุณกำลังติดตามอยู่เท่านั้น 

หากว่าเป็นเรื่องของฝั่งขาขึ้นหรือฝั่งวิจารณ์ของรัฐบาลไบเดน เรื่องราวจะมีอยู่ว่า ตลาดเอเชียกำลังซื้อน้ำมันดิบจากสหรัฐฯ ในราคาถูกเป็นจำนวนมากเพราะว่าฝ่ายบริหารปล่อยอุปทานรายวันจากคลังสำรองปิโตรเลียมเชิงกลยุทธ์หรือ SPR

เหตุผลที่มีความต้องการจากเอเชียเป็นจำนวนมาก เนื่องมาจากราคาน้ำมันดิบที่ลดลง 5 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลหรือมากกว่าเมื่อเทียบกับน้ำมันดิบเบรนท์ของลอนดอน ซึ่งเป็นเกณฑ์มาตรฐานระดับโลกตามบทความนี้ และเชื่อว่าส่วนลดที่ได้มานั้นเป็นเพราะความพยายามในการต้องการปล่อยน้ำมันดิบ SPR

ซึ่งถือว่าเป็นข้ออ้างที่ไม่ใกล้เคียงกับความจริงเลย ตั้งแต่ราคาน้ำมันดิบ WTI กลายเป็นเกณฑ์มาตรฐานระดับโลกในปี 2010 พรีเมี่ยมของน้ำมันดิบเบรนท์มักจะถูกเปรียบเทียบกับน้ำมันดิบสหรัฐฯ เสมอ แม้ว่าเกณฑ์ราคาของทั้งสองจะไม่ต่างกันมาก โดยจะมีส่วนต่างระหว่างกันอยู่ที่ ประมาณ 5 ดอลลาร์ (สัปดาห์นี้ถึง 7 ดอลลาร์) ซึ่งเป็นเรื่องปกติของเกณฑ์มาตรฐานทั้งสอง แต่การที่จะตรึงราคาไว้ที่ SPR นั้นดูจะเป็นเรื่องเหลวไหล     

โดยยังมีปัจจัยหนุนจากทีมบริหารของไบเดนที่ได้เปิดเผยตัวเลขที่บันทึกไว้ของ SPR ที่สูงเป็นประวัติการณ์ โดยมีกลุ่ม OPEC ที่ต้องการให้สหรัฐฯ ปล่อยน้ำมันในคลังสำรองฉุกเฉินออกไป เพื่อที่กลุ่มสามารถเข้าควบคุมราคาน้ำมันโลกได้หลังจากที่ตัวเลขน้ำมันในคลังของสหรัฐฯ จะอยู่ที่ระดับ  "ภาวะฉุกเฉินที่แท้จริง"

และแทนที่จะส่งสัญญาณไปยังตลาดว่าพวกเขาจะยอมทำตามความปรารถนาของไบเดนที่จะเพิ่มการผลิต แต่ซาอุดิอาระเบียกำลังวางรากฐานสำหรับการลดการผลิตในอนาคตเพราะพวกเขาคาดการณ์ว่าสถานการณ์อุปทานน้ำมันทั่วโลกจะพลิกจากการขาดดุลเป็นส่วนเกิน ซึ่งเมื่อ้างถึงเหตุผลนี้ก็ทำให้กลุ่มต้องตัดผลผลิตน้ำมันในอนาคตลง  OPEC คาดการณ์ว่าจะสามารถลดปริมาณน้ำมันดิบที่ต้องจัดหาในไตรมาสที่สามลง 1.24 ล้านบาร์เรลต่อวันเป็น 28.27 ล้าน

และเรื่องราวที่เหลือจะดำเนินต่อไปเช่นนี้ กล่าวคือ ซาอุดิอาระเบียที่ได้รับความช่วยเหลือจากรัสเซีย ที่ถือว่าเป็นประเทศพันธมิตรที่ดีในกลุ่ม OPEC+ นั้น จะสามารถควบคุมราคาพลังงาน ราคาอาหาร และอัตราเงินเฟ้อโดยทั่วไปได้มากขึ้น นอกจากนี้ยังจะทำให้สหรัฐฯ อ่อนแอเพิ่มขึ้นในแง่ของเศรษฐกิจและจากจุดยืนด้านความมั่นคงของชาติ

การปล่อยน้ำมันจากคลังกลยุทธ์ SPR จะสิ้นสุดในเดือนตุลาคม และเมื่อความต้องการใช้น้ำมันในฤดูหนาวสูงขึ้น สหรัฐฯ จะยิ่งตึงเครียดมากขึ้นไปอีก

ตัวเลขน้ำมันของสหรัฐจนถึงขณะนี้ไม่ได้สร้างความสบายใจให้แก่ตลาดสักเท่าไหร่ โดยอุปทานน้ำมันดิบทั่วไปอยู่ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยในรอบ 5 ปี 5% น้ำมันดิบคงคลัง SPR อยู่ที่ระดับต่ำสุดตั้งแต่ปี 1985 ผลิตภัฑ์กลั่นคงคลังอยู่ที่ 24% ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยห้าปีและอุปทานน้ำมันเบนซินอยู่ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยห้าปีประมาณ 6% 

และนี่คือบทความสำหรับนักลงทุนตลาดหมี

อย่างที่เรากล่าวไว้ตอนต้น ฤดูขับรถของสหรัฐฯ ใกล้จะสิ้นสุดแล้ว และคาดว่าความต้องการเชื้อเพลิงจะลดลงอย่างต่อเนื่องหลังจากนี้ เนื่องจากเด็ก ๆ ในอเมริกาจะเริ่มกลับไปเรียนในอีกสองสัปดาห์ข้างหน้า เพื่อเริ่มปีการศึกษาใหม่ในเดือนกันยายน ทำให้การเดินทางบนท้องถนนเพื่อความสนุกล้วนเป็นสิ่งสุดท้ายที่พวกเขานึกถึงในเวลานี้

สินค้าคงคลังน้ำมันเบนซินของสหรัฐฯ ร่วงลงอย่างน่าตกใจ โดยแตะห้าล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่แล้ว แต่สินค้าคงคลังน้ำมันดิบรายสัปดาห์เพิ่มขึ้นเกือบ 10 ล้านในช่วงสองสัปดาห์ที่ผ่านมา

การส่งออกน้ำมันดิบของสหรัฐฯ แตะระดับต่ำสุดในรอบ 7 เดือนเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว โดยร่วงลงสู่ระดับต่ำสุดอย่างเหลือเชื่อที่ 2.11 ล้านบาร์เรลต่อวัน ซึ่งเป็นจุดต่ำสุดที่ไม่เคยเกิดขึ้นเลยนับตั้งแต่ 1.96 ล้านบาร์เรลที่ส่งออกไปในช่วงสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 7 มกราคม

เพื่อให้เกิดความสมดุลกับผลกระทบที่เกิดจากการส่งออกน้ำมันดิบที่ตกต่ำ การจัดส่งน้ำมันเบนซินของสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นเป็น 1.13 ล้านบาร์เรลต่อวันในสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งสูงที่สุดนับตั้งแต่เดือนธันวาคม 2018

“หลังจากที่น้ำมันทำขาลงต่อเนื่อง เพราะอุปสงค์จากผู้บริโภคลดลง ส่งผลให้เหลือเพียงสิ่งที่สามารถจับต้องได้ในตอนนี้คือการส่งออกน้ำมันดิบ ซึ่งมีค่าเฉลี่ย 3 ล้านถึง 4 ล้านบาร์เรลต่อสัปดาห์และต่อเนื่องกันเป็นเวลาหลายเดือน” จอห์น คิลดัฟฟ์ หุ้นส่วนผู้ก่อตั้งกองทุนป้องกันความเสี่ยงด้านพลังงานจากนิวยอร์ก Again Capital กล่าว “ดังนั้นนักลงทุนระยะยาวในตลาดน่าจะค่อนข้างน่ากังวลหากตัวเลขการส่งออกยังคงอยู่ต่ำเหมือนกับสัปดาห์ที่แล้ว”

โดยการลดลงของตัวเลขการส่งออกน้ำมันดิบในสัปดาห์ที่แล้ว “อาจเป็นความผิดปกติ” คิลดัฟฟ์ผู้ซึ่งตั้งข้อสังเกตว่าการส่งออกน้ำมันเบนซินที่พุ่งสูงขึ้นนั้นจะทำให้ตลาดผ่อนคลายลง "แม้ว่าจะไม่มีการรับประกันว่าจะเกิดขึ้นแบบนั้นทุกสัปดาห์"

แม้ว่านักลงทุนฝั่งขาขึ้นจะทำกำไรได้มากจากตัวเลขที่น้ำมันเพิ่มขึ้น 180 ล้านบาร์เรล หรือหนึ่งล้านบาร์เรลต่อวัน โดยที่ตั้งเป้าหมายการปล่อยน้ำมันออกจากคลังกลยุทธ์ SPR ทุกวันระหว่างเดือนพ.ค.และต.ค.การผลิตน้ำมันของสหรัฐฯ เองก็เพิ่มขึ้นเช่นกัน

ผลผลิตน้ำมันของสหรัฐฯจากแหล่งหินน้ำมัน (Permian basin ) ที่ใหญ่ที่สุดในรัฐเท็กซัสและในนิวเม็กซิโกเพิ่มขึ้น 78,000 บาร์เรลต่อวัน และทำสถิติ 5.445 ล้านบาร์เรลต่อวันในเดือนสิงหาคม ข้อมูลจาก EIA ที่กล่าวในรายงานการผลิตลงวันที่ 18 เดือนกรกฎาคม

EIA กล่าวว่าผู้ผลิตได้เจาะเพิ่ม 938 บ่อ มากที่สุดนับตั้งแต่มีนาคม 2020 และสามารถเจาะบ่อจากแหล่งหินน้ำมันที่ใหญ่ที่สุดได้ทั้งหมด 964 บ่อในเดือนมิ.ย ซึ่งมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนต.ค. 2021 

และยังเหลือบ่อที่ยังขุดเจาะไม่เสร็จสมบูรณ์ (DUC) ลดลง 26 บ่อรวมเป็น 4,245 ซึ่งต่ำที่สุดนับตั้งแต่ธันวาคม 2013 ตามข้อมูลย้อนหลังของ EIA  จำนวน โดย DUC ที่มีอยู่ลดลงเป็นเวลา 24 เดือนติดต่อกัน

ไม่ใช่แค่อุปทานของสหรัฐฯ ที่เพิ่มขึ้น แต่อุปทานน้ำมันที่มากขึ้นก็ส่งผลต่อตลาดทั่วโลกเช่นกันในช่วงหลาย ๆ เดือนที่ผ่านมา

ผลผลิตน้ำมันของกลุ่ม OPEC เพิ่มขึ้นในเดือนกรกฎาคมสู่ระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนเมษายน 2020 จากการสำรวจของรอยเตอร์สพบว่า ขณะที่กลุ่มได้ผ่อนปรนการควบคุมการผลิตภายใต้ข้อตกลงกับพันธมิตรและผู้ส่งออกชั้นนำอย่างซาอุดิอาระเบียก็ยังได้ยุติการลดอุปทานโดยสมัครใจ

กำลังการผลิตของ OPEC อยู่ที่ 26.72 ล้านบาร์เรลต่อวัน (bpd) จากการสำรวจพบว่าตัวเลขเพิ่มขึ้น 610,000 บาร์เรลต่อวันจากประมาณการที่แก้ไขในเดือนมิถุนายน ผลผลิตของ OPEC เพิ่มขึ้นทุกเดือนตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2020 ยกเว้นในเดือนกุมภาพันธ์

อุปสงค์ในประเทศสำหรับน้ำมันเบนซินนั้นไม่แน่นอนในสหรัฐอเมริกาในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา ในขณะที่การเบิกถอนน้ำมันในคลังสินค้าน้ำมันเบนซินของสหรัฐฯ ในสัปดาห์ที่แล้วใกล้ถึง 5 ล้านบาร์เรลคงจะเป็นเรื่องที่น่ายินดีในตลาด แต่ก็มีกาเพิ่มหลายล้านบาร์เรลเช่นกันในสัปดาห์ก่อนเนื่องจากราคาหน้าปั๊มที่สูงเป็นประวัติการณ์ที่เพิ่มขึ้นมมากกว่า 5 ดอลลาร์ต่อแกลลอน

ในขณะที่ราคาน้ำมันในปั๊มน้ำมัน เฉลี่ยแล้วลดลงมาอยู่ที่ 3.99 ดอลลาร์ต่อแกลลอนในวันพฤหัสบดี ซึ่งถือเป็นครั้งแรกที่ต่ำกว่า 4 ดอลลาร์ในรอบหลายเดือน แต่น้ำมันดิบของสหรัฐฯ เองอาจกลับมาที่ 100 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลหลังจากการเทขายออกในสัปดาห์ที่แล้วซึ่งต่ำกว่า 90 ดอลลาร์

ราคาน้ำมันดิบที่แกว่งตัวขึ้นอาจส่งผลให้ราคาหน้าปั๊มเพิ่มขึ้นและส่งผลต่อความต้องการอีกครั้ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงเวลาที่ฤดูกาลขับรถในฤดูร้อนของสหรัฐฯสิ้นสุดลง เมื่อพิจารณาจากปัจจัยนี้ นักลงทุนฝั่งขาขึ้นของตลาดน้ำมันอาจต้องคิดเมื่อต้องการผลักดันราคาน้ำมันดิบให้สูงขึ้น

โดยปกติในช่วงเวลานี้ของปี ภัยคุกคามจากพายุเฮอริเคนในชายฝั่งอ่าวเม็กซิโกของสหรัฐฯ จะใกล้เข้ามาและรุนแรง ซึ่งจะคุกคามการผลิตและกิจกรรมอื่น ๆ บนแท่นขุดเจาะพลังงานที่นั่น

จนถึงปีนี้ พายุเฮอริเคน Invest 97L ได้ข้ามมหาสมุทรแอตแลนติกเขตร้อนในสัปดาห์นี้โดยไม่ส่งผลกระทบร้ายแรงใด ๆ ดูเหมือนว่าฤดูกาลของเฮอริเคนจะยังมาไม่ถึง และสัญญาณของพายุในปี 2022 ดูเหมือนว่าจะไม่สร้างความรุนแรงมากนัก 

ต่างจากปีก่อนหน้าที่พายุเฮอริเคน Ida ที่เกิดขึ้นในเดือนกันยายน ที่เป็นสาเหตุให้ต้องปิดแท่นการผลิต ก๊าซธรรมชาติ มากกว่า 25% และเกือบ 17% ของการผลิตน้ำมันในสหรัฐอเมริกา

Gelber & Associates ซึ่งเป็นที่ปรึกษาด้านพลังงานในฮูสตันกล่าวว่าหากพายุเฮอริเคนก่อตัวในอ่าวเม็กซิโกและคุกคามการดำเนินงานของโรงงานพลังงานชายฝั่งที่นั่น อาจส่งผลกระทบสำคัญต่อการผลิต แต่กล่าวเพิ่มเติมว่า

“ การดำเนินการของแท่นผลิตในเขตร้อนโดยรวมยังค่อนข้างเงียบ โดยมีกิจกรรมบางที่ทำให้เกิดความวุ่นวายเล็กน้อยในคิว [sic] แต่ ณ เวลานี้ ไม่มีอะไรที่เป็นสาระสำคัญที่จะเป็นปัญหา”

มุมมองต่อความต้องการน้ำมันถูกแยกออกเป็นสองส่วนระหว่าง มุมมองจากกลุ่ม OPEC ที่หลายคนคิดว่ากลุ่มตั้งใจคาดการณ์ถึงอุปสงค์ที่ลดลงเพื่อลดการผลิต และสำนักงานพลังงานระหว่างประเทศซึ่งคาดการณ์ว่าอุปสงค์สูงขึ้นแต่เศรษฐกิจโลกอ่อนแอลง

Ole Hansen หัวหน้าฝ่ายกลยุทธ์สินค้าโภคภัณฑ์ของ Saxo Bank กล่าวว่า "เราเห็นการชะลอตัวทางเศรษฐกิจ แต่ก็ไม่ชัดเจนว่าจะเป็นการชะลอตัวครั้งใหญ่ตามที่คาดการณ์ไว้หรือไม่" "อุปสงค์จะเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ แต่อุปทานยังคงเป็นปัญหาหลัก"

โดยปัจจัยที่เป็นแรงหนุนให้กับขาลงในตลาดน้ำมันคือ มาตรการควบคุมโควิดในจีน ผลผลิตของประเทศลิเบีย การขายน้ำมันรัสเซียอย่างต่อเนื่องแม้จะถูกคว่ำบาตรอยู่ก็ตาม ล้วนน่าสนใจไม่แพ้กับเรื่องราวของตลาดกระทิง

น้ำมัน: ราคาและกิจกรรมในตลาด

น้ำมันดิบ WTI ซึ่งเป็นเกณฑ์มาตรฐานสำหรับน้ำมันดิบของสหรัฐฯ ทำการซื้อขายขั้นสุดท้ายที่ 91.88 ดอลลาร์ หลังจากปิดกรอบราคาลงที่ 2.25 ดอลลาร์หรือ 2.3% ที่ 92 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล โดยก่อนหน้านี้แตะระดับสูงสุดที่ 94.81 ดอลลาร์

สำหรับสัปดาห์ WTI เพิ่มขึ้น 3.4% ชดเชยการลดลง 10% ของสัปดาห์ที่แล้วบางส่วน

น้ำมันดิบ เบรนท์ ซึ่งเป็นเกณฑ์มาตรฐานสำหรับน้ำมันดิบทั่วโลกที่ซื้อขายในลอนดอน ทำการซื้อขายขั้นสุดท้ายที่ 98.01 ดอลลาร์ หลังจากปรับราคาในเซสชั่นอย่างเป็นทางการลงไปที่ 1.45 ดอลลาร์ หรือ 1.5% เป็น 98.15 ดอลลาร์ หลังจากทำระดับสูงสุดระหว่างวันที่ 100.08 ดอลลาร์

น้ำมันดิบเบรนท์เพิ่มขึ้น 3.4% ในสัปดาห์หลังจากการร่วงลง 14% ของสัปดาห์ที่แล้ว

น้ำมัน: แนวโน้มทางเทคนิคของ WTI

Sunil Kumar Dixit หัวหน้านักยุทธศาสตร์ด้านเทคนิคของ SKCharting.com กล่าวว่า ตราบใดที่ WTI ยังคงอยู่เหนือ 88.43 ดอลลาร์ เทรดเดอร์จะมองหาการทดสอบ Simple Moving Average 200 วัน ที่ 95.46 ดอลลาร์และ Fibonacci  50% ที่ระดับ 96.47 ดอลลาร์

“หากเหนือระดับนี้ คาดว่าจะมีการขยับขึ้นไปสู่ค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่แบบเอ็กซ์โปเนนเชียล 50 วันที่ 99.90 ดอลลาร์”

แต่ Dixit ยังเตือนว่าตลาดสามารถพลิกกลับเป็นขาลงได้

“การปฏิเสธจาก SMA 200 วันที่ 95.46 ดอลลาร์และ EMA 50 วัน 99.90 ดอลลาร์ จะทำให้กลับมาที่จุดอ่อนของตลาดและดันราคาลงเพื่อทดสอบพื้นที่แนวรับอีกครั้งที่ 88 และ 87 ดอลลาร์ โดยสามารถขยายไปถึง Bollinger Band ระดับกลางรายเดือนที่ 81 ดอลลาร์ ก่อนที่จะตกลงไปที่ระดับ Fibonacci 78.6% ที่ 77 ดอลลาร์”

ทองคำ: ราคาและกิจกรรมในตลาด

สำหรับราคาเริ่มต้นซื้อขายในวันศุกร์ ทั้งสัญญาซื้อขายล่วงหน้าทองคำในตลาด Comex ของนิวยอร์กและราคาทองคำแท่งกลับมาที่โซน 1,800 ดอลลาร์เป็นสัปดาห์ที่สี่ติดต่อกัน

สัญญาซื้อขายล่วงหน้าทองคำ เดือนธันวาคมของตลาดโคเม็กซ์ ทำการซื้อขายขั้นสุดท้ายที่ 1,818.40 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หลังจากปิดที่ 1,815.50 ดอลลาร์เพิ่มขึ้น 8.30 ดอลลาร์ หรือ 0.5% ในวันเดียวกัน สำหรับสัปดาห์เพิ่มขึ้นเกือบ 1.5%

ราคา สปอต ทองคำแท่งที่เทรดเดอร์บางรายมีการติดตามอย่างใกล้ชิดกว่าสัญญาซื้อขายล่วงหน้า อยู่ที่ 1,803.64 ดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 14.10 ดอลลาร์ หรือ 0.8%

ทั้งทองคำในตลาดโคเม็กซ์และราคาสปอตทำกำไรได้มากกว่า 5% ในช่วงสี่สัปดาห์ที่ผ่านมา

“นี่จะเป็นการทดสอบที่น่าสนใจสำหรับทองคำ เนื่องจากราคา 1,800 ดอลลาร์อาจเป็นจุดหมุนที่น่าสนใจจากมุมมองทางเทคนิค หากไม่มีความต้องการเห็นราคาขยับขึ้นไปอีกแต่ท้ายที่สุดแล้ว กรณีของทองคำขาขึ้นยังคงค่อนข้างน่าสนใจ” เครก เออร์แลม นักวิเคราะห์ออนไลน์กล่าว แพลตฟอร์มการซื้อขาย OANDA

“ความจริงที่ว่ามันยังคงรักษาผลกำไรจำนวนมากโดยไม่มีการแก้ไขที่สำคัญใด ๆ อาจบ่งชี้ว่ายังคงมีความต้องการอยู่ โดยได้รับแรงหนุนจากข่าวลือที่เกี่ยวกับการผ่อนคลายทางการเงิน” เออแลมกล่าวเสริม

ทองคำทำกำไรหลังจากค่าเงินดอลลาร์ที่เคลื่อนไหวผกผันกับทองคำอ่อนค่าลงในสัปดาห์นี้ เนื่องจากข้อมูลเงินเฟ้อของสหรัฐฯ ที่ลดลง

CPI ซึ่งเป็นหนึ่งในมาตรวัดเงินเฟ้อที่เป็นสากลมากที่สุด พบว่าสหรัฐฯ เติบโตเป็นศูนย์ในเดือนกรกฎาคม หลังจากเพิ่มขึ้น 1.3% ในเดือนมิถุนายน ในช่วงปีที่ผ่านมาถึงเดือนที่แล้ว ส่งผลให้ตัวเลขCPI ก็ชะลอตัวเช่นกัน โดยขยายตัว 8.5% จาก 9.1% ก่อนหน้า

ข้อมูล ดัชนีราคาผู้ผลิต ของสหรัฐฯ ลดลง 0.5% ในเดือนก.ค. ตอกย้ำประเด็นเงินเฟ้อที่ถอยจากระดับสูงสุดในรอบ 4 ทศวรรษ

ค่าเงิน ดอลลาร์ ร่วงลงในสัปดาห์นี้ แม้ว่าเจ้าหน้าที่เฟดหลายคนกล่าวว่าการชะลอตัวของอัตราเงินเฟ้อในเดือนก.ค. ไม่เพียงพอที่จะผ่อนคลายนโยบายการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย

ทอง: แนวโน้มราคา

ราคาทองคำต้องทะลุระดับสูงสุดที่ 1,814.36 ดอลลาร์ของเดือนก่อนหน้าเพื่อเป็นแรงผลักดันไปยังโซนบรรจบกันของเส้น EMA 50 สัปดาห์ที่ 1,827 ดอลลาร์ และเส้น SMA 100 สัปดาห์ที่ 1,828 ดอลลาร์ Dixit จาก SKCharting กล่าว

ตามมาด้วยระดับ Fibonacci 78.6% ที่ 1,835 ดอลลาร์ และ Bollinger Band ระดับกลางรายสัปดาห์ที่ 1,838 ดอลลาร์ Dixit กล่าวเสริม 

การอ่านสุ่มรายวันที่ 93/86 ทำให้เกิดการทับซ้อนในเชิงบวกที่เกิดขึ้นใหม่เหนือพื้นที่ซื้อมากเกินไปที่ ราคาสปอตทองคำ ในขณะที่การอ่านสุ่มรายสัปดาห์ที่ 59/44 ยังคงมีแง่บวกที่แข็งแกร่ง Dixit กล่าว

“เทรดเดอร์ขาย่อจะมองหาการย่อซื้อไปยังโซนแนวรับที่ 1,785-1,775 ดอลลาร์ และตั้งเป้าที่ 1,828-1,838 ดอลลาร์”

ข้อจำกัดความรับผิดชอบ: Barani Krishnan ไม่ได้ถือครองสินค้าโภคภัณฑ์และหลักทรัพย์ที่เขาเขียนถึงในบทความนี้

Statement:
The content of this article does not represent the views of fxgecko website. The content is for reference only and does not constitute investment suggestions. Investment is risky, so you should be careful in your choice! If it involves content, copyright and other issues, please contact us and we will make adjustments at the first time!

Related News

您正在访问的是FxGecko网站。 FxGecko互联网及其移动端产品是中国香港特别行政区成立的Hitorank Co.,LIMITED旗下运营和管理的一款面向全球发行的企业资讯査询工具。

您的IP为 中国大陆地区,抱歉的通知您,不能为您提供查询服务,还请谅解。请遵守当地地法律。