2 กองทุน ETF ที่จะช่วยลดความกังวลที่มีต่อความผันผวนในตลาด
2021-12-21 17:40:17
more 
1528

แม้ว่าตอนนี้นักลงทุนในตลาดกำลังเริ่มเตรียมตัวเข้าสู่การพักผ่อน ปล่อยคำสั่งซื้อขายที่มี และทยอยออกจากตลาดกันแล้ว แต่ความกังวลหลักๆ ในปี 2022 ก็จะยังคงเป็นสถานการณ์การระบาดของโควิดสายพันธุ์ใหม่ และการวางนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐฯ ที่พึ่งประกาศเพิ่มวงเงินลด QE และมีแนวโน้มว่าจะขึ้นอัตราดอกเบี้ยถึงสามครั้ง

การระบาดของเชื้อไวรัสโควิดสายพันธุ์ใหม่ “โอมิครอน” ได้ทำให้หลายๆ ประเทศต้องโบกมือลาการเฉลิมฉลองในช่วงเทศกาลคริสต์มาสกันไปแล้ว เนเธอร์แลนด์ประกาศล็อกดาวน์อย่างเป็นทางการ ในขณะที่สหราชอาณาจักร พยายามจะอะลุ่มอะล่วยให้ได้มากที่สุดโดยคาดว่าจะล็อกดาวน์เป็นบางส่วน สหรัฐอเมริกาก็มียอดผู้ติดเชื้อโควิดสายพันธุ์โอมิครอนมากขึ้นทุกวัน

สถานการณ์ในช่วงสองสัปดาห์ (รวมสัปดาห์นี้) ก่อนปีใหม่ จึงถือเป็นช่วงเวลาที่บีบคั้นนักลงทุนและผู้คนเป็นอย่างมาก ตลาดเฝ้าติดตามดูดัชนีวัดความผันผวนจาก CBOE (VIX) ว่าจะมีโอกาสปรับตัวเพิ่มขึ้นอีกหรือไม่ หลังจากที่ต้นเดือนธันวาคม VIX เคยวิ่งขึ้นสูงกว่า 30 จุด ซึ่งเป็นระดับที่ไม่เคยเห็นมานับตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ นอกจากนี้พวกเขายังเฝ้าดูราคาของกองทุน ETF iPath® Series B S&P 500® VIX Short-Term Futures™ ETN (NYSE:VXX) ซึ่งเป็นกองทุนวัดกำไรรายวันที่ได้มาจากการซื้อขายสัญญาฟิวเจอร์สระยะสั้น

1. Fidelity Low Volatility Factor ETF

- ระดับราคาปัจจุบัน: $50.83
- กรอบการวิ่งของราคาในรอบ 52 สัปดาห์: $41.22 - $51.91
- เปอร์เซ็นต์การปันผล: 1.14%
- อัตราค่าใช้จ่ายต่อการดำเนินงาน: 0.29% ต่อปี

กองทุนตัวแรกที่เราอยากจะนำเสนอมีชื่อว่า Fidelity® Low Volatility Factor ETF (NYSE:FDLO) เป็นกองทุนที่ลงทุนในบริษัทเอกชนขนาดกลางไปจนถึงใหญ่ (วัดจากมาร์เก็ตแคป) ในสหรัฐอเมริกา กองทุนนี้เริ่มเปิดให้ลงทุนในเดือนกันยายนปี 2016FDLO WeeklyFDLO Weekly

ปัจจุบัน FDLO ถือครองหุ้นอยู่ทั้งหมด 130 บริษัท อ้างอิงราคาซื้อขายจากดัชนี Fidelity US Low Volatility Factor TR USD Index เมื่อพิจารณาการถือหุ้นออกเป็นสัดส่วนแล้วพบว่า FDLO ถือครองหุ้นในกลุ่มเทคโนโลยีสำหรับข้อมูลมากที่สุดถึง 27.63% ตามมาด้วยเฮลท์แคร์ 13.07% สินค้าฟุ่มเฟือย 12.12% และการเงิน 11.97% 

หุ้น 10 อันดับแรกของบริษัทคิดเป็นเศษหนึ่งส่วนสี่ของสินทรัพย์รวมทั้งหมด $480.4 ล้านเหรียญสหรัฐ หุ้นชื่อดังที่กองทุนนี้ถือครองได้แก่ Microsoft (NASDAQ:MSFT), Alphabet (NASDAQ:GOOGL) (NASDAQ:GOOG), Amazon (NASDAQ:AMZN) Accenture (NYSE:ACN) UnitedHealth Group (NYSE:UNH) และ Home Depot (NYSE:HD)

ตลอดระยะเวลา 52 สัปดาห์ล่าสุด FDLO ให้ผลตอบแทนคืนมาแล้ว 19.4% พึ่งสร้างจุดสูงสุดตลอดกาลใหม่ไปเมื่อไม่นาน มีอัตราส่วนเปรียบเทียบระหว่างราคาตลาดของหุ้นต่อกำไรสุทธิต่อหุ้น (P/E) และอัตราส่วนเปรียบเทียบระหว่างราคาหุ้นกับมูลค่าทางบัญชี (P/B) อยู่ที่ 27.22x และ 5.22x ตามลำดับ นักลงทุนที่สนใจกองทุนดังกล่าวควรรอให้ราคาปรับตัวลดลงไปยัง $47.5 จึงจะเป็นจุดเข้าที่เหมาะสม

นอกจาก FDLO ยังมีกองทุนอื่น ที่อยู่ในหมวดหมู่เดียวกันและมีความน่าสนใจได้แก่

- Invesco S&P 500® High Dividend Low Volatility ETF (NYSE:SPHD);
- Invesco S&P 500® Low Volatility ETF (NYSE:SPLV)
- iShares MSCI USA Min Vol Factor ETF (NYSE:USMV)
- SPDR® SSGA US Large Cap Low Volatility Index ETF (NYSE:LGLV)

2. iShares MSCI Emerging Markets Min Vol Factor ETF

- ระดับราคาปัจจุบัน: $61.75
- กรอบการวิ่งของราคาในรอบ 52 สัปดาห์: $59.35 - $65.74
- เปอร์เซ็นต์การปันผล: 2.18%
- อัตราค่าใช้จ่ายต่อการดำเนินงาน: 0.25% ต่อปี

กองทุนถัดมาที่เราอยากจะแนะนำเป็นกองทุนที่อยู่นอกสหรัฐอเมริกา กองทุนนี้มีชื่อว่า iShares MSCI Emerging Markets Min Vol Factor ETF (NYSE:EEMV) นี่คือกองทุนที่ลงทุนในหุ้นบริษัทในประเทศตลาดเกิดใหม่ เริ่มต้นเปิดให้ลงทุนในเดือนตุลาคมปี 2011

EEMV WeeklyEEMV Weekly

ปัจจุบัน EEMV ถือครองหุ้นอยู่ทั้งหมด 322 บริษัท อ้างอิงราคาซื้อขายจากดัชนี MSCI Emerging Markets Minimum Volatility Index เมื่อพิจารณาการถือหุ้นออกเป็นสัดส่วนแล้วพบว่า EEMV ถือครองหุ้นในกลุ่มการเงินมากที่สุด 21.52% ตามมาด้วยกลุ่มไอที 16.61% กลุ่มโทรคมนาคม 16.42% และกลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภค 10.66% หากพิจารณาเป็นการถือครองหุ้นบริษัทในแต่ละประเทศ จะพบว่า EEMV ถือครองหุ้นของบริษัทในประเทศจีนมากที่สุด 285 แห่ง ตามมาด้วยไตหวัน 17.19% อินเดีย 15.37% ซาอุดิอาระเบีย 8.84% และเกาหลีใต้ 7.73%

หุ้นสิบอันดับแรกที่ EEMV ถือครองคิดเป็นสัดส่วน 15% จากสินทรัพย์รวมทั้งหมด $3,700 ล้านเหรียญสหรัฐ หุ้นชื่อดังที่กองทุนนี้ถือครองได้แก่ Emirates Telecom (AD:ETISALAT) Taiwan Cooperative Financial Holding (TW:5880) Chunghwa Telecom (NYSE:CHT) Taiwan Semiconductor Manufacturing (NYSE:TSM) และ First Financial Holding (TW:2892)

EEMV ในปีที่แล้วให้ผลตอบแทนคืนมา 2.5% สร้างจุดสูงสุดตลอดกาลใหม่ไปเมื่อเดือนมิถุนายน มีอัตราส่วนเปรียบเทียบระหว่างราคาตลาดของหุ้นต่อกำไรสุทธิต่อหุ้น (P/E) และอัตราส่วนเปรียบเทียบระหว่างราคาหุ้นกับมูลค่าทางบัญชี (P/B) อยู่ที่ 19.61x และ 2.26x ตามลำดับ นักลงทุนที่สนใจกองทุนดังกล่าวควรรอให้ราคาปรับตัวลดลงไปวิ่งต่ำกว่า $60 ต่อบาร์เรลจึงจะเป็นจุดเข้าที่ปลอดภัย และเหมาะสมต่อการลงทุนในระยะยาว

Tuyên bố:
Nội dung bài viết này không thể hiện quan điểm của trang web FxGecko, nội dung chỉ mang tính chất tham khảo không mang tính chất tư vấn đầu tư. Đầu tư là rủi ro, hãy lựa chọn cẩn thận! Nếu có bất kỳ vấn đề nào liên quan đến nội dung, bản quyền,… vui lòng liên hệ với chúng tôi và chúng tôi sẽ điều chỉnh trong thời gian sớm nhất!

Các bài báo liên quan

您正在访问的是FxGecko网站。 FxGecko互联网及其移动端产品是中国香港特别行政区成立的Hitorank Co.,LIMITED旗下运营和管理的一款面向全球发行的企业资讯査询工具。

您的IP为 中国大陆地区,抱歉的通知您,不能为您提供查询服务,还请谅解。请遵守当地地法律。