ปัจจัยสำคัญที่ก่อให้เกิดขาลงในตลาดคริปโตฯ ตอนนี้ไม่ได้มีเพียงเรื่องการเมือง
2022-01-25 18:10:26
more 
1161

คำพูดปลอบใจยอดฮิตสำหรับนักลงทุนคริปโตในเวลานี้คงจะหนีไม่พ้นการดึงเอาประวัติศาสตร์อันหอมหวาน ออกมาเป็นเกราะป้องกันความคิดให้กับตัวเอง ท่ามกลางตลาดที่เผชิญกับแรงเทขายมาตั้งแต่ช่วงปลายปีที่แล้วจนถึงปัจจุบัน นักลงทุนคริปโตฯ บางคนก็ยังเอาแต่บอกตัวเองว่า “ผลตอบแทนที่ได้จากวันแรกที่บิทคอยน์และอีเธอเรียมเริ่มเทรดถือว่าสูงมาก”

ถึงจะร่วงลงจากจุดสูงสุดเกือบ $70,000 ลงมาเหลืออยู่ที่ $35,000 ในปัจจุบัน คนที่ศรัทธาในบิทคอยน์ก็จะบอกว่า แต่เมื่อปี 2010 บิทคอยน์เคยมีมูลค่าอยู่ที่ห้าเซนต์เท่านั้นเอง อีเธอเรียมเองก็เช่นกัน การร่วงลงมาจาก $4,900 เหลือ $2,216 ก็ยังเทียบอะไรไม่ได้กับขาขึ้นจาก $11.13 ในปี 2016 หากมองเป็นภาพการเติบโตแล้ว ก็ต้องยอมรับว่าสกุลเงินดิจิทัลนั้นมาไกลจริงๆ 

จังหวะนี้ถือเป็นช่วงเวลาที่ความเชื่อถูกทดสอบอีกครั้ง ถึงจะไม่ใช่ครั้งแรกที่ตลาดคริปโตฯ ร่วงลงอย่างหนัก แต่ขาลงที่เกิดขึ้นคิดเป็นมูลค่าเงินแล้วหายไปเกินครึ่งหนึ่งของช่วงขาขึ้นตั้งแต่ $20,000 ขึ้นไปยัง $67,000 จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่ความศรัทธาจะถูกตั้งคำถามอีกครั้ง… 

- นี่หรือเสถียรภาพทางการเงินใหม่ที่คนรุ่นใหม่คาดหวัง? 

- นี่หรือโลกการเงินในอนาคตที่อยากได้?

- สกุลเงินดิจิทัลที่มีมากกว่า 17,000 สกุลเงินจะเหลือรอดเพียงกี่สกุลเงิน? 

นอกจากแรงกดดันทางการเมือง และปัญหาเงินเฟ้อที่กลายเป็นธีมการลงทุนหลักในช่วงนี้ ในความเห็นของผม ปัจจัยทางเทคนิคก็มีส่วนที่ต้องรับผิดชอบกับขาลงที่เกิดขึ้นครั้งล่าสุด แล้วจุดเริ่มต้นของการเทขายทางเทคนิคครั้งเกิดขึ้นจากตรงไหน ในบทความนี้เราจะพาไปดู

จุดเปลี่ยนเทรนด์ที่นำมาสู่การปรับฐานครั้งใหญ่ของสกุลเงินดิจิทัล

จุดเปลี่ยนเทรนด์ที่นำมาสู่การปรับฐานครั้งใหญ่ของสกุลเงินดิจิทัลจุดเริ่มต้นของหายนะครั้งนี้อยู่ในวันที่ 10 พฤศจิกายนปี 2021 ที่นักลงทุนคริปโตฯ กำลังเฉลิมฉลองการสร้างจุดสูงสุดใหม่ของบิทคอยน์และอีเธอเรียม โดยหารู้ไหมว่านั่นกำลังจะเป็นจุดเริ่มต้นของการเทขายครั้งใหญ่ Bitcoin Futures DailyBitcoin Futures Daily 

ที่มา: CQG

กราฟในรูปนี้คือกราฟบิทคอยน์ฟิวเจอร์สที่จะส่งมอบในเดือนมกราคม ตัวกราฟได้ขึ้นไปสร้างจุดสูงสุดเอาไว้ที่ $69,820 ในวันที่ 10 พฤศจิกายน ก่อนที่จะสร้างจุดต่ำสุดใหม่ ที่ต่ำกว่าจุดต่ำสุดก่อนหน้า รูปแบบแท่งเทียนที่รับผิดชอบต่อขาลงครั้งนี้คือรูปแบบดาวตก (Evening Star)Ethereum Futures DailyEthereum Futures Daily 

ที่มา: CQG

ประเด็นที่คล้ายกันก็เกิดขึ้นกับกราฟอีเธอเรียมฟิวเจอร์สด้วยเช่นกัน หลังจากขึ้นไปสร้างจุดสูงสุดตลอดกาล ก็ปรับตัวลดลงเพราะรูปแบบแท่งเทียนดาวตก แต่ของอีเธอเรียมกลับมาในรูปแบบที่เป็นกลุ่มของแท่งเทียนโดจิ (Doji) ที่ไม่มีความเคลื่อนไหว แต่มีระดับจุดเปิดและจุดปิดต่างกัน

ในระหว่างทางตั้งแต่วันที่ 10 พฤศจิกายนเป็นต้นมา มีความพยายามหลายครั้งที่จะดึงตลาดสกุลเงินดิจิทัลขึ้น แต่ก็ไม่เป็นผลสำเร็จ ส่งผลให้ราคาปรับตัวลดลงเรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน หากนับตั้งแต่วันที่ 10 มกราคม 2022 มาจนถึงปัจจุบัน บิทคอยน์ฟิวเจอร์สได้ปรับตัวลดลงจาก $44,450 ลงมาอยู่ต่ำกว่า $37,000 ในขณะที่อีเธอเรียมฟิวเจอร์สก็ลงมาจาก $3,413.50 ลงมาวิ่งต่ำกว่า $2,600 นักลงทุนจากทั้งสองตลาดต่างเจ็บปวดกับสิ่งที่เกิดขึ้น ขาลงครั้งนี้นับเป้นขาลงที่มากที่สุดตั้งแต่ช่วงเดือนกรกฎาคม - สิงหาคมของปี 2021 

การปรับฐานอาจสร้างผลดีให้กับตลาดในระยะยาว

จริงอยู่ว่าขาลงที่เกิดขึ้นอาจเจ็บปวด แต่ในประวัติศาสตร์การลงทุนโลก ไม่เคยมีสินทรัพย์ตัวไหนที่สามารถวิ่งขึ้นได้เป็นเส้นตรง ในบางครั้งภาพการปรับฐานอาจจะเกิดขึ้นอย่างไม่น่าให้อภัย แต่ก็ต้องยอมรับว่าไม่ว่าจะลงเร็วหรือช้า ต่างก็เป็นการสร้างโอกาสให้กับนักลงทุนรุ่นใหม่ เงินก้อนใหม่ให้มาลงทุนในตลาดมากขึ้น

เมื่อปลายสัปดาห์ที่แล้ว มูลค่าตามราคาตลาดโดยรวมของสินทรัพย์สกุลเงินดิจิทัลยืนอยู่ต่ำกว่าระดับ 2 ล้านล้านดอลลาร์ สูญเสียมูลค่าไปราว 1 ล้านล้านดอลลาร์นับตั้งแต่จุดสูงสุดของวันที่ 10 พฤศจิกายน เทียบกับ มูลค่าตามราคาตลาดของบริษัทยักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยีอย่างแอปเปิล (Apple (NASDAQ:AAPL)) ซึ่งปัจจุบันอยู่ที่ระดับ 2.65 ล้านล้านเหรียญ ยังไม่ถึงระดับที่ใกล้กับระดับที่ก่อให้เกิดความเสี่ยงต่อระบบการเงินอย่างเป็นระบบ แต่หากการเติบโตแบบมากกว่า 182% ในปี 2021 เกิดขึ้นกับปี 2022 อีกครั้ง นั่นจะทำให้มูลค่าของตลาดคริปโตฯ ขยับขึ้นเกือบเป็น $4 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ สร้างความเสี่ยงให้กับวงการนี้อีกครั้ง

ตามความเห็นของผม ปัจจัยหลักๆ ที่กดดันราคาคริปโตฯ ในตลาดตอนนี้คือความเป็นไปได้ในการขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ เพื่อสกัดกั้นเงินเฟ้อ นี่คือความหวังที่เฟดจะชุบชีวิตให้กับมูลค่าของสกุลเงินดอลลาร์ หลังจากที่พิมพ์เงินออกมามากมายโดยอ้างว่าเพื่อต่อสู้โควิด ถึงความเป็นจริงตอนนี้เราจะไม่รู้ว่าก้นเหวของขาลงครั้งนี้อยู่ที่ใด แต่หากเมื่อไหร่ที่เจอ และตลาดได้หลุดพ้นจากความกังวลของขาลงระลอกวันที่ 10 พฤศจิกายนแล้ว ถึงเวลานั้นก็มีโอกาสที่ตลาดสกุลเงินดิจิทัลจะกลับไปเป็นขาขึ้นได้อีกครั้ง

หากมองให้ลึกลงกว่าการเป็นเพียงตลาดที่สร้างกำไรฉาบฉวย นี่คือสถานที่ต่อสู้ทางความคิดระหว่างกลุ่มเสรีนิยมกับกลุ่มอนุรักษ์นิยม สกุลเงินดิจิทัลเปิดโอกาสให้กับคนที่เชื่อในโลกเสรี เชื่อว่าเงินไม่ควรถูกกำกับโดยคนกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง ที่ก็พิสูจน์มาตลอดหลายทศวรรษแล้วว่านอกจากจะสร้างความเสียหายทางเศรษฐกิจแล้ว พวกเขากลับไม่เคยต้องรับผิดชอบอะไรเลย การเก็งกำไรจริงอยู่ว่าช่วยให้ตลาดมีสภาพคล่องที่สูงขึ้น แต่ในขณะเดียวกันก็ได้ดึงเอาคนที่ไม่ได้มีความรู้ความเข้าใจจริงๆ ว่าพวกเขาเอาเงินของตัวเองมาทำอะไร เปิดโอกาสให้รัฐได้เข้ามาหาวิธีกำจัดคู่แข่งโดยอ้างว่า “ทำไปเพื่อปกป้องประชาชน”

ความเสี่ยงเป็นสัจธรรมที่อยู่คู่กับโลกคริปโตฯ

ทุกคนที่ก้าวเข้ามาในโลกสกุลเงินดิจิทัล ต้องรู้ว่าการเคลื่อนไหวของราคาสามารถเปลี่ยนแปลงได้เสมอ ก่อนที่คริปโตจะถือกำเนิด สินค้าโภคภัณฑ์ก็เคยเป็นสินทรัพย์ประเภทที่มีความผันผวนมากที่สุด แต่ในตอนนี้ ไม่มีใครสนใจความผันผวนนั้นเมื่อเปรียบเทียบกับการเคลื่อนไหวของราคาในสกุลเงินดิจิทัลที่ดูจะเป็นเรื่องใหม่กว่าและยังไม่มีกฎหมายควบคุมชัดเจน

ความเคลื่อนไหวของราคาคริปโตฯ มีความสัมพันธ์กับความกลัวเรื่องเงินเฟ้อที่เกิดขึ้นปี 2021 มาจนถึงปัจจุบัน ธนาคารกลางสหรัฐ (Fed) ของสหรัฐฯ พร้อมที่จะเปลี่ยนนโยบายการเงินให้มีความตึงตัวมากขึ้น พร้อมกับการจะขึ้นอัตราดอกเบี้ยทันที ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อราคาสกุลเงินดิจิตอลในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้าอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

อย่างไรก็ตาม ความสัมพันธ์เหล่านี้อาจเป็นสิ่งที่ตลาดลงทุนกังวลขึ้นมาเอง  เนื่องจากข้อมูลในอดีตไม่สามารถวัดอะไรได้กับการลงทุนในสินทรัพย์ประเภทสินทรัพย์ใหม่ ในขณะที่คนส่วนใหญ่มองว่าคริปโตฯ กำลังแข่งขันกับสินทรัพย์อื่นๆ เพื่อการลงทุนและทุนเก็งกำไร แต่ในขณะเดียวกันคริปโตฯ กลับเสนอทางเลือกทางอุดมการณ์โดยเป็นตัวแทนของวิวัฒนาการของการปฏิวัติวงการฟินเทคฯ

สกุลเงินดิจิทัลในทุกวันนี้จะได้ย้ายจากสินทรัพย์ทางเลือกไปสู่กระแสหลัก สถาบันการเงินหลายแห่งเปิดให้นักลงทุนสามารถลงทุนในคริปโตฯ ได้ เพราะฉะนั้นรูปแบบการขึ้นลงของตลาดในปีที่ผ่านมา อาจจะบอกนักลงทุนให้ซื้อสกุลเงินดิจิทัลในช่วงที่ราคาอ่อนตัว เพื่อเพิ่มโอกาสในการประสบความสำเร็จ แม้ว่าประสิทธิภาพของราคาในอดีตจะไม่รับประกันผลลัพธ์ในอนาคต แต่รูปแบบในอดีตเป็นสิ่งที่มักจะเกิดขึ้นซ้ำได้อีกในอนาคต

สำหรับผู้ที่พิจารณาที่จะก้าวเข้ามาสู่โลกใบนี้ ช่วงเวลานี้อาจจะเป็นเวลาที่เหมาะสมสำหรับการได้ลิ้มลองรสชาติของตลาดใหม่ๆ แต่อย่าลืมว่าการลงทุนคริปโตฯ นั้นมีความเสี่ยง 100% นักลงทุนต้องระมัดระวังในทุกย่างก้าว เนื่องจากโอกาสในการทำกำไรนั้นมาพร้อมกับความเสี่ยงที่จะขาดทุนเสมอ การพักตัวของตลาดสกุลเงินดิจิทัลในช่วงนี้อาจนำไปสู่ความผันผวนครั้งใหม่ในอนาคต คำถามก็คือคุณพร้อมที่จะขึ้นรถไฟขบวนนี้แล้วหรือไม่?

Kenyataan:
Kandungan artikel ini tidak mewakili pandangan laman web FxGecko. Kandungan adalah untuk rujukan sahaja dan bukan merupakan nasihat pelaburan. Pelaburan adalah berisiko, pilih dengan teliti! Jika terdapat sebarang isu berkaitan kandungan, hak cipta, dsb., sila hubungi kami dan kami akan membuat pelarasan secepat mungkin!

Artikel Berkaitan

您正在访问的是FxGecko网站。 FxGecko互联网及其移动端产品是中国香港特别行政区成立的Hitorank Co.,LIMITED旗下运营和管理的一款面向全球发行的企业资讯査询工具。

您的IP为 中国大陆地区,抱歉的通知您,不能为您提供查询服务,还请谅解。请遵守当地地法律。