โดย Daniel Shvartsman

– ปรับฐาน? ปรับฐานอะไร? ดูเหมือนว่าตลาดจะอยู่ในขาขึ้นอีกครั้ง โดยการซื้อขายในวันพุธ Nasdaq นำหน้าในตลาดสหรัฐฯ โดยเพิ่มขึ้นมากกว่า 2% ดัชนีที่ขับเคลื่อนโดยหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีขณะนี้อยู่เหนือระดับต่ำสุดของเดือนมกราคมกว่า 8% แม้ว่า พันธบัตรสหรัฐอายุ 10 ปี จะเข้าใกล้ 2% ก็ตาม

แม้ว่าจะมีภัยคุกคามต่อตลาดอยู่อย่างหนึ่ง และภัยคุกคามดังกล่าวจะเปิดเผยตัวในวันพฤหัสบดี นอกเหนือจากรายงานอัตราเงินเฟ้อทั่วไปที่จะออกในเช้าวันพรุ่งนี้ รายได้จะเป็นปัจจัยเร่งปฏิกิริยาสำหรับบริษัทและภาคส่วนต่าง ๆ มากมาย

นี่คือ 3 สิ่งที่นักลงทุนควรจับตา

1. รายงานดัชนีราคาผู้บริโภค

รายงาน CPI และ CPI หลัก จะออกสู่ตและคาดว่าจะสร้างแรงกดดันต่อเฟด ผู้กำหนดนโยบาย และตลาด นักเศรษฐศาสตร์คาดว่า CPI และ CPI หลัก จะเข้าใกล้ .5% เดือนต่อเดือน CPI หลัก (ไม่รวมราคาพลังงานและอาหาร) คาดว่าจะอยู่ที่ 5.9% เมื่อเทียบเป็นรายปี และ CPI คาดว่าจะอยู่ที่ 7.3% เมื่อเทียบเป็นรายปี อย่างหลังจะเป็นตัวเลขสูงสุดนับตั้งแต่ปี 1982

แน่นอน ความคาดหวังมีผลต่อราคา ทั้งอัตราผลตอบแทนที่เพิ่มขึ้นและความคาดหวังในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยชี้ให้เห็นว่าตลาดคาดว่าเฟดจะดำเนินการตามมาในเดือนมีนาคม บางทีคำถามที่ใหญ่ที่สุดก็คือตัวเลข CPI นี้จะเพียงพอที่จะผลักดันให้เฟดปรับขึ้น 50 คะแนนพื้นฐาน(bps) เมื่อพวกเขาประชุมกันครั้งต่อไปหรือไม่ และถ้าเป็นเช่นนั้น หุ้นเทคโนโลยีและสินทรัพย์ระยะยาวสามารถถือในระยะสั้นได้หรือไม่?

2. รายได้ของโคคาโคล่าและเป๊ปซี่

ยักษ์ใหญ่ด้านเครื่องดื่มทั้งสองรายงานผลประกอบ ท่ามกลางบรรยากาศของตลาดที่เริ่มมีความกังวล บริษัทเครื่องดื่มยักษ์ใหญ่ทั้งสองทำผลงานเหนือกว่าดัชนีทุกปีจนถึงปัจจุบัน PepsiCo Inc (NASDAQ:PEP)  คาดการณ์ การเติบโตของรายได้ 7.8% และการเติบโตของรายได้ 3.4% ในขณะที่ Coca-Cola Co (NYSE:{{271|KO}) })  คาดการณ์ ที่จะเผยการเติบโตของรายได้ 4.5% และรายได้ต่อหุ้นลดลง 12.7% นอกเหนือจากตัวเลขชุดนี้แล้ว คู่แข่งทั้งสองบริษัทนี้อาจให้ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับอัตราเงินเฟ้อของราคาสินค้าโภคภัณฑ์ และการกำหนดราคาสำหรับผู้บริโภคได้

3. หุ้นไทยขยับขึ้นเหนือ 1,700 

ตลาดหุ้นไทย SET ขยับขึ้นเหนือ 1,700 ในวันพุธ เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2019 เป็นเวลากว่า 30 เดือนที่นักลงทุนไม่ได้เห็นตัวเลขนี้ ปัจจัยหลักเกิดจากเงินทุนต่างชาติไหลเข้ามาซื้อหุ้นกว่า 17,000 ล้านบาท โดยหุ้นที่ทำผลงานได้ดีที่สุดเป็นหุ้นกลุ่มธนาคาร ได้แก่

ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (BK:KBANK) ซึ่งเพิ่มขึ้น +8.00 บาท (+5.18%) มาอยู่ที่ 162.50 บาท

ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (BK:BBL) เพิ่มขึ้น +4.00บาท หรือ +2.84% มาอยู่ที่ 145.00บาท

ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (BK:SCB) เพิ่มขึ้น +4.50บาท หรือ +3.46%  มาอยู่ที่ 134.50บาท

นอกจากนี้หุ้นสายการบิน โรงไฟฟ้าก็ปรับตัวขึ้นเช่นกัน เป็นสัญญาณบวกถึงแนวโน้มการเปิดประเทศเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ ขณะเริ่มมีสัญญาณเตือนบางส่วนให้นักลงทุนระมัดระวังหุ้นบางตัวที่ราคาอาจเกินพื้นฐานไปแล้ว