โดย Dhirendra Tripathi

– หุ้นปรับฐานในวันพฤหัสบดี หลังนักลงทุนรอประเมินค่าเงินเฟ้อล่าสุดที่จะออกมาในช่วงต้นวันศุกร์

Apple (NASDAQ:AAPL) เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยมูลค่าตลาดเข้าใกล้ 3 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ ขณะที่แตะระดับสูงสุดในรอบ 52 สัปดาห์อีกครั้ง

หุ้น Pfizer Inc (NYSE:PFE) ก็เพิ่มขึ้นเช่นกันหลังจากข้อมูลแสดงให้เห็นว่าวัคซีนป้องกันโควิด-19 ที่พัฒนาร่วมกับ BioNTech SE (NASDAQ:BNTX) สามารถสร้างภูมิคุ้มกันจากไวรัสโควิดสายพันธุ์โอมิครอนได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง หลังจากฉีดเข็ม 3 สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาได้เพิ่มช่วงอายุ 16 และ 17 ปีให้สามารถรับบูสเตอร์ช็อตได้แล้ว 

โอมิครอนได้ทำให้ตลาดผันผวนนับตั้งแต่มีการค้นพบครั้งแรกโดยนักวิทยาศาสตร์ในแอฟริกาใต้เมื่อเดือนที่แล้ว ธนาคารกลางสหรัฐมีกำหนดจะประชุมกันในสัปดาห์หน้าและอาจตัดสินใจที่จะเร่งระยะเวลาในการขจัดมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจออกจากระบบเศรษฐกิจเนื่องจากอัตราเงินเฟ้อสูงขึ้น

เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ ดัชนีราคาผู้บริโภคจะออกมาในช่วงต้นของวันศุกร์ และตัวเลขที่สูงกว่าที่คาดไว้สามารถโน้มน้าวให้เฟดจำเป็นต้องดำเนินการในเชิงรุกมากขึ้น

สำนักข่าวรอยเตอร์สทำการสำรวจความคิดเห็นของนักเศรษฐศาสตร์ซึ่งคาดการณ์ว่าเฟดจะขึ้นอัตราดอกเบี้ย 25 จุด เป็น 0.25% ถึง 0.50% ในไตรมาสที่สามของปีถัดไป แม้ว่าส่วนใหญ่ยังกล่าวด้วยว่าความเสี่ยงคือการขึ้นดอกเบี้ยเร็วกว่าเดิม

ต่อไปนี้คือ 3 ปัจจัยที่นักลงทุนควรจับตา:

1. ราคาผู้บริโภค

สหรัฐอเมริกา ราคาผู้บริโภค คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 6.8% เมื่อเทียบเป็นรายปีในเดือนพ.ย. เพิ่มขึ้น 6.2% ในเดือนต.ค. ซึ่งเป็นอัตราเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้นมากที่สุดในรอบกว่า 30 ปี ตามข้อมูลที่รวบรวมโดย   

2. ราคาผู้บริโภคหลัก

แยกราคาอาหารและพลังงานที่ผันผวนออกไปจากราคาผู้บริโภค หรือที่เราเรียกกันว่า  core CPI นั้น เพิ่มขึ้น 4.9% เมื่อเทียบเป็นรายปี เพิ่มขึ้น 4.6% ในเดือนตุลาคม แต่ถูกมองว่าชะลอตัวจากเดือนตุลาคม คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 0.5% ในเดือนนี้ เทียบกับ 0.6% ในเดือนก่อนหน้า

3. ทัศนคติของผู้บริโภค

การอ่านค่าความเชื่อมั่นผู้บริโภคในสหรัฐฯ เบื้องต้นในเดือนธันวาคม ซึ่งสะท้อนให้เห็นในดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคของมหาวิทยาลัยมิชิแกน ลดลงเหลือ 67.1 จาก 67.4 ในเดือนพฤศจิกายน ตัวเลขดังกล่าวนี้ออกมาเวลา 10.00 น. ET