โดย Ambar Warrick 

- ตลาดหุ้นเอเชียส่วนใหญ่ปรับตัวขึ้นเล็กน้อยในวันพุธ เนื่องจากนักลงทุนรอการตัดสินใจเรื่องอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ ในขณะที่หุ้นจีนดีดตัวขึ้นอีกจากข่าวที่ว่าประเทศจะลดความเข้มงวดของนโยบายที่เกี่ยวข้องกับโควิด19

ดัชนี ของจีนพุ่งขึ้น 1.7% ในขณะที่ดัชนี เพิ่มขึ้น 1.5% เนื่องจากมีข่าวลือแพร่สะพัดไปทั่วโซเชียลมีเดียว่าจีนกำลังพิจารณาที่จะเปิดประเทศอีกครั้งอย่างเต็มรูปแบบภายในเดือนมีนาคม 2023 คาดว่าประเทศจะจัดประชุมประเด็นนี้ในปลายสัปดาห์ที่จะถึงนี้

ข่าวลือดังกล่าวสร้างความโล่งใจเป็นอย่างยิ่งสำหรับตลาดจีนที่ประสบปัญหาและได้รับผลกระทบอย่างมากในปีนี้ เนื่องจากมาตรการจำกัดการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด19 ทำให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจต้องหยุดชะงัก

ดัชนีหุ้นจีนปรับตัวขึ้นมากถึง 3.5% ในวันอังคาร โดยการเข้าซื้อตอนกราฟย่อตัวก็ช่วยกระตุ้นการฟื้นตัวเช่นกัน ดัชนี CSI 300 ฟื้นตัวจากระดับต่ำสุดในรอบ 31 เดือน

การคลายล็อกดาวน์ของโควิดในจีนยังส่งผลดีต่อเศรษฐกิจเอเชียในวงกว้าง เนื่องจากพวกเขาพึ่งพาจีนในฐานะคู่ค้าสำคัญ ดัชนี ของฮ่องกงทำผลงานได้ดีที่สุดในวันพุธ เพิ่มขึ้น 2.3% หลังจากปรับตัวขึ้นมากกว่า 5% ในช่วงก่อนหน้า

อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ของรัฐปฏิเสธแผนการใด ๆ ที่จะลดนโยบายปลอดโควิด ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ยังได้ย้ำถึงความมุ่งมั่นของประเทศในการรักษานโยบายปลอดโควิดอย่างเข้มงวด

ตลาดเอเชียอื่น ๆ ขยับสูงขึ้น โดยมุ่งความสนใจไปที่บทสรุปของการประชุม ในท้ายวันนี้ ซึ่งธนาคารกลางได้รับการคาดหมายอย่างกว้างขวางว่าจะขึ้นอัตราดอกเบี้ย 75 จุดพื้นฐาน เป็นการเคลื่อนไหวเพื่อควบคุมเงินเฟ้อที่อยู่ระดับสูง

แต่ตลาดจะจับตาดูสัญญาณใด ๆ จากเฟดว่ามีแผนที่จะลดจุดยืนที่มีต่อนโยบายการเงินหรือไม่ แม้ว่าข้อมูลล่าสุดที่บ่งชี้ถึงความแข็งแกร่งในเศรษฐกิจสหรัฐฯ จะช่วยลดโอกาสของสถานการณ์ดังกล่าว

ตลาดยังคงแยกออกเป็นสองฝ่ายสำหรับการขึ้นอัตราดอกเบี้ยที่ ในเดือนธันวาคม

อัตราดอกเบี้ยของสหรัฐฯ ที่พุ่งสูงขึ้นส่งผลกระทบอย่างหนักต่อหุ้นเอเชียในปีนี้ เนื่องจากอัตราผลตอบแทนของพันธบัตรที่ปรับตัวสูงขึ้นลดความน่าดึงดูดการลงทุนของสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงสูง

ตลาดเอเชียส่วนใหญ่พุ่งสูงขึ้นในวันพุธ ดัชนี เพิ่มขึ้น 0.5% ขณะที่ ทำผลงานเด่น โดนขึ้นนำตลาดหุ้นทั่วเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ด้วยการเพิ่มขึ้น 0.4%

ดัชนี ของเกาหลีใต้เพิ่มขึ้น 0.2% หลังจากข้อมูลพบว่า เพิ่มขึ้นมากกว่าที่คาดไว้ในเดือนตุลาคม แต่การเติบโตทางเศรษฐกิจที่ชะลอตัวมีแนวโน้มที่จะผลักดันให้ ชะลอการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย

ดัชนี ของญี่ปุ่นลดลง 0.1% ในขณะที่ดัชนี ของอินเดียลดลง 0.2%